วันเสาร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒

เรื่องของฝรั่งคนหนึ่งที่คนไทยเรียกเขาว่าฝรั่งขี้นก

เรื่องของฝรั่งคนหนึ่งที่คนไทยเรียกเขาว่าฝรั่งขี้นกชื่อ Martin Wheeler อายุ ๔๒ ปี เป็นชาวอังกฤษ เมือง Bllackpoolปริญญาตรีเกียรตินิยม ภาษาละติน จาก London Universityภรรยา นางรจนา วีลเลอร์ ชาวขอนแก่น บุตร ๓ คน๑. ด.ช.อิริค วีลเลอร์ (Eric Wheeler) อายุ ๘ ขวบ๒. ด.ญ.แอนนี่ วีลเลอร์ (Anne Wheeler) อายุ ๖ ขวบ๓. ด.ช.ดิเรก วีลเลอร์ (Derek Wheeler) อายุ ๖ เดือน
------------------------------------------------------------------------
ผมเป็นชาวอังกฤษเกิดในครอบครัวที่ฐานะดีพอสมควร พ่อจบปริญญาเอกเป็นผู้จัดการบริษัทเกี่ยวกับสารเคมี ยาฆ่าแมลง มีลูกน้อง ๒๐,๐๐๐กว่าคนแม่จบปริญญาตรี เป็นครูสอนเปียโนกับไวโอลินผมจบปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับหนึ่งภาษาละตินครั้งแรกเรียนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ปีที่ ๓ ผมย้ายไปเรียน มหาวิทยาลัยลอนดอน และจบที่นั่นผมไม่ชอบเคมบริดจ์ เพราะเป็น แบบโบราณอังกฤษเป็นประเทศเก่าแก่มาก สมัยโบราณเป็นระบบศักดินา มีขุนนางและ ชาวบ้านเป็นขี้ข้า ทุกวันนี้แม้ยกเลิกระบบนั้นแล้วแต่ที่เคมบริดจ์ยังเจอวัฒนธรรม แบบขุนนาง เป็นสังคมเล็กๆผ่านมา ๒๐๐-๓๐๐ ปีแล้ว แต่ไม่รับรู้อะไร ไม่เข้าใจชาวบ้านเขาคิดแต่เรื่อง สังคมเล็กๆ ของเขาในกลุ่มคนชั้นสูงเป็นพวกหอคอยงาช้าง ที่ผมเรียนได้คะแนนดีเพราะพ่อแม่ของผม บังคับให้เรียนหนังสือส่งเสริมให้เรียนตั้งแต่อายุ ๒ ขวบครึ่งสอบไปเรื่อยๆ เพิ่มไอ.คิว. ให้สูงที่สุด เท่าที่จะทำได้ผมเรียนสูงจนได้เกียรตินิยม เพราะพ่อแม่มีเงินช่วยไม่เกี่ยวกับความฉลาดเฉพาะตัว
ปฏิวัติค่านิยมเก่าผมไม่ค่อยสนใจเรื่องเงิน ไม่อยากมีรถยนต์ ไม่อยากมีบ้านใหญ่อยากมีบ้านเล็กๆ อยากมี ครอบครัวเล็กๆ ที่มีความสุขไม่สนใจเรื่องวัตถุ ผมอยากอยู่แบบง่ายๆเมื่อก่อน ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร แต่ตอนนี้รู้ว่า เขาเรียกมักน้อย สันโดษที่อังกฤษเขาว่าผมบ้า เป็นเด็กนิสัยเสีย เพราะพ่อแม่ส่งให้เรียนหนังสือแต่ไม่เอาความรู้ไปหาเงิน เขาหาว่า เด็กที่ไม่คิดทำงานนั้น นิสัยเสีย
หลังจากเรียนจบแล้ว ผมก็เอาปริญญาให้พ่อแม่ตามที่ท่านอยากได้แล้วผมก็ไปทำงานก่อสร้างแบกอิฐแบกปูนอยู่ ๑๐ ปีช่วงนั้นชาวบ้านบอกว่า ผมบ้าแน่ครับแต่เป็นเรื่องที่ผมอยากเรียนรู้ชีวิต อยากรู้จักตัวเองว่ามีความสามารถมากน้อยเพียงใด มีความอดทนมั้ยทำในสิ่งที่เราไม่น่าจะทำได้มั้ยท้าทายตัวเองบ้าง อยากผ่านชีวิตที่ลำบากบ้าง
ผมอยู่ในสังคมของคนมีเงิน เขาจะพูดถึงแต่เรื่องเงินคุณมีรถยี่ห้ออะไรบ้าง? มี่กี่คัน? คุณมีบ้านใหญ่ขนาดไหน? ลูกของคุณเรียนที่ไหน?เอาลูกมาแข่งขันกัน จบจากที่ไหนบ้าง? จบจากเคมบริดจ์ดีกว่าจบจากมหาวิทยาลัยลอนดอนแต่ผมกลับคิดว่า ชีวิตน่าจะมีอะไร มากกว่านั้น ช่วงนั้นผมไม่รู้ว่าชีวิตคืออะไรแต่ที่รู้แน่ๆ คือไม่ใช่เงิน ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่ปริญญา ต้องมีสิ่งอื่นซึ่งผมไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ผมก็เลยมาลองแบกอิฐ แบกของหนักไว้ก่อนเดินแบกอิฐไปมา วันละสาม-สี่พันเที่ยว มันอิสระ เรามีเวลาคิดได้รู้จักคนอื่น และได้สร้างความเข้มแข็ง ให้ร่างกายแล้วจิตใจเราก็เข้มแข็งขึ้นด้วย
ชาวบ้านธรรมดาที่อังกฤษนั้น จริงๆ เขาลำบากกว่าคนไทยมากเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมได้เห็น ชีวิตของชาวบ้านที่อังกฤษแย่มากคนที่นั่น ๖๐% ไม่มีบ้านถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา จะไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านต้องไปเช่าบ้านจากเจ้านายตลอดชีวิต๙๘%ไม่มีใครมีที่ทำกิน แล้วก็อยู่ในเมืองเป็นขี้ข้าเขาหมด แม้แต่เป็นผู้จัดการก็เป็นขี้ข้าด้วยเพราะไม่มีใครพึ่งตนเอง ไม่มีใครมีที่ทำกินจะไปทำอะไร ช่วยตัวเองก็ไม่ได้ จะไปสุขอะไรก็ไม่ได้ต้องไปหาเงิน ชีวิตอยู่กับเงินอย่างเดียว เงินเยอะ ก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้เงินน้อยคุณภาพชีวิตก็ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่
พ่อแม่และผมถามว่าชีวิตของพ่อมีความสุขมั้ย? ผมคิดว่าไม่ผมคิดว่าพ่ออยากได้บางสิ่งบางอย่างเขาได้เงินเดือน เยอะมาก ได้รับบำเหน็จบำนาญเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านในชุมชน มีตำแหน่งมีเกียรติยศอะไรอีกเยอะแยะแต่ผมคิดว่าพ่อไม่มีความสุข เพราะว่าวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ไปทำงานที่โรงงานตกเย็นไปประชุมอีก กลับบ้านสามทุ่มสี่ทุ่ม ไม่ได้เจอเมียเจอลูกวันเสาร์อาทิตย์พ่อก็ปวดหัว อยากพักผ่อน พ่ออยากอยู่คนเดียวไม่ให้ใครรบกวนพ่อมีเมีย และลูกสามคน แต่พ่อไม่ค่อยได้เห็นลูกเห็นเมียสมัยที่ผมอายุสิบสามขวบผมไม่ได้คุยกับพ่อ แม้แต่คำเดียวเกือบปีครึ่งเห็นเมื่อไหร่ก็เจอพ่อปวดหัวตลอดคิดหนัก อาชีพของพ่อ ต้องใช้สมองมาก ผมว่ามันเป็นกรรมพันธุ์ด้วยผมก็ปวดหัวบ่อยเหมือนกัน (หัวเราะ) ชอบคิดมาก ตอนนี้หายแล้วแม่เข้าใจผม แต่ไม่เห็นด้วยที่ผมมาเมืองไทย
แม่เสียชีวิต ผมได้มรดกนิดๆ หน่อยๆ มีเวลาที่จะไปเที่ยวผมเคยวางแผนไว้ในใจว่าจะเที่ยว ๑ ปี จะไปในประเทศ ที่ผมไม่เคยไปมาก่อนเช่น ไทย ลาว เขมร พม่า มาเลย์ เวียดนาม อินโด ออสเตรเลียคิดว่าจะไปออสเตรเลียเพราะเป็นประเทศเปิด ไม่ค่อยมีกฎระเบียบ เหมือนอังกฤษแต่ก็ยังไม่ได้ไปตามแผนที่วางไว้ ประเทศแรกที่ผมมาคือประเทศไทย
ผมไม่ใช่ครูฝรั่งสมัยก่อนผมนิสัยเสีย ชอบกินเหล้า ชอบเที่ยว ชอบสนุก เงินที่ผมเก็บไว้๑ ปี ภายใน ๒ เดือนใช้หมดเลย ไม่มีเงินกลับบ้าน ผมอยู่ประเทศไทย ตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ผมอยู่กรุงเทพฯ ไม่มีเงิน แม้แต่บาทเดียว ไปหางานทำอาชีพอย่างเดียวที่เราทำได้ คือเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ จริงๆแล้วผมไม่ได้เป็นครูหรอก ผมสอนไม่เป็น แต่คนไทยเห็นฝรั่ง จะบอกว่าฝรั่งทุกคนเป็นครูสอนภาษา ซึ่งมันไม่จริงฝรั่งส่วนมากไม่ได้เป็นครู ที่กรุงเทพฯ เขาจ้างผมให้เป็นครูเอาเสื้อผ้าดีๆ เนคไทดีๆให้ใส่ เขาบอกว่า คุณเป็นครูนะแล้วเขาก็ส่งผมเข้าห้องเรียนเลยความจริงฝรั่งที่เขาเรียกครูนั้น ไม่มีใครเคยสอนหนังสือ แม้แต่คนเดียวและบางครั้ง ก็ไม่ใช่คนอังกฤษด้วย มีคนหนึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสพูดภาษาอังกฤษผมฟังไม่รู้เรื่อง แม้แต่คำเดียว คนไทยก็แปลกดีเหมือนกันเขาให้เงินเดือนผมเดือนละ ๓ หมื่นบาท ไปนั่งเฉยๆ ผมก็ละอายใจไม่อยากรับ ผมคิดมาก ปวดหัวทั้งวันทั้งคืน เพราะถ้าเราทำงานอะไรในชีวิตเราต้องได้ผล สมมุติมีคนมาจ้างเรา ๑๐๐ บาทแบกอิฐ ผมจะรับแน่เพราะว่าผมแบกอิฐแผ่นนั้น จากโน่นไปที่นู่น ผมทำได้แน่ครับ แล้วผมก็จะเอาเงินของคุณไปแต่เวลาผมเป็นครูสอนภาษา มันไม่ได้ผลหรอก ผมสอนไม่เป็นเอาเงินให้ผมเฉยๆผมก็รู้สึกว่า ไม่น่าจะเอา ผมไม่ได้ทำ ประโยชน์อะไร คุ้มค่าเงินนะเงินไม่ทำให้ผมมีความสุขผมมีอุดมการณ์เล็กๆ ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ๑. ถ้าเราทำงานอะไร ต้องทำในสิ่งที่เรามีความสุข๒.จะไม่ทำงานที่ต้องผูกเนคไท๓.จะไม่มีกระเป๋าเอกสารเพราะว่าเหมือนสังคมของพ่อแม่ผม เขาจะทำงานแบบนั้นทุกคนมีเสื้อนอก มีรถยนต์ มีเอกสาร แต่เขาไม่ค่อยมีความสุขหรอกผมเอาสิ่งนี้ มาเป็นสัญลักษณ์ แห่งการทำงานที่ไม่มีความสุขมีช่วงเดียวเท่านั้นที่ผมทรยศต่อชีวิตตัวเองคือช่วงที่ผมเป็นครูอยู่ที่กรุงเทพฯ ผมต้องผูกเนคไทผมทำในสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดเลย เพื่อเงินอย่างเดียวทำอยู่ประมาณ ๑๑ เดือนชีวิตไม่มีความสุข เหมือนอยู่ที่อังกฤษ คือทำงานอะไรก็ได้ ขอให้มีเงินแต่ไม่มีความสุข แล้วก็เอาเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องไปเที่ยว ไปกินเหล้าไปสูบบุหรี่ ยาเสพติดทุกชนิดผมเอาหมด ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแม้แต่อยู่กรุงเทพฯ ก็ยังทำอยู่ ถึงได้เงินเยอะ แต่ไม่รู้ว่า จะเอาไปทำอะไรเพราะเงินไม่ช่วยให้เรามีความสุข
หันเหชีวิตสู่แนวทางที่วาดหวังไว้ผมเจอภรรยา เธอมาจากจังหวัดขอนแก่นอยู่กรุงเทพฯ ไม่นานก็มีลูกผมเริ่มคิดหนัก แต่ก่อน อยู่คนเดียวไม่มีปัญหามีความสุขหรือไม่มีก็คนเดียว ไม่ยากหรอกเมื่อมีเมียมีลูก มันต้อง รับผิดชอบผู้อื่นด้วยจะไปนั่งกินเหล้าเฉยๆไม่ได้หรอก คิดว่าทำอย่างไร ให้เมียกับลูกอยู่ได้ ผมรู้แน่ๆถ้าผมอยู่ในสังคมเมือง และทำงานแบบนี้ ผมจะเป็นคนแย่มากจะกินเหล้า สูบบุหรี่ ติดยา เที่ยวอย่างเดียวจึงตัดสินใจตัดตัวเองออกจากสังคมเมืองไปอยู่บ้านนอกแฟนผม มาจากหมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดขอนแก่นช่วงปีใหม่ผมไปเที่ยวบ้านของแม่ยายเห็นว่า เป็นธรรมชาติดี
ต้องเข้าใจว่าคนอังกฤษอยู่บ้านนอกไม่ได้เพราะชนบทมีพื้นที่นิดเดียวพวกขุนนางยึดหมด คนยากจน จึงอยู่ชนบทไม่ได้ ต้องไปอยู่ในเมืองที่สกปรกแออัด คนอังกฤษที่ยังรวยไม่ถึงขั้น เช่นพ่อของผม มีเงินเยอะแต่ก็ยังรวยไม่ถึงขั้น เพราะยังอยู่ในเมือง วัดจากคนที่อยู่กลางเมืองใหญ่ๆ จะเป็นคนจนที่สุดที่อยู่ชานเมือง จะเป็นพวกครู ข้าราชการ อะไรแบบนั้น เป็นผู้จัดการก็ยังอยู่ในเมือง ส่วนคนที่จะได้อยู่บ้านนอก จะต้องเป็นคนรวยถึงขั้นจริงๆเป็นพวกขุนนางใหญ่โตมันเป็นเรื่องแปลก ผมมาอยู่ที่ขอนแก่น เห็นแต่ละคนมีที่ดินเยอะมาก ชาวบ้านธรรมดา คนเดียวมีถึง ๕๐ ไร่ ๒๐๐ กว่าไร่ก็มีพ่อแม่ผมมีแค่ ครึ่งไร่เท่านั้นเอง แต่อยู่บ้านนอกที่นี่ โอ้โฮ..มีเยอะมากสะอาดด้วย อากาศก็ดี ตอนแรกได้กลิ่น ผมก็ว่ากลิ่นอะไร อ๋อมันกลิ่นธรรมชาติ ผมไม่เคยดมมาก่อน โอ้สุดยอดเลยบ้านนอกคนอื่นว่าฝรั่งมันบ้า เพราะเขาไม่คิดว่า ทำไมฝรั่งอยากไปอยู่บ้านนอกเขาคิดว่าฝรั่งมีแต่คนรวย ฝรั่งไม่มีคนยากจน เขาไม่รู้จริงๆ ว่าฝรั่งส่วนมากลำบากบ้านก็ไม่มี ที่ดินก็ไม่มี เป็นขี้ข้าเขาหมด ลูกก็ไม่มีอนาคต
ปัญหาของระบบทุนนิยมคือเรื่องเงิน เงินถูกจำกัดเป็นก้อนเล็กๆคนรวยกวาดเงินไปเยอะ จนเหลือนิดเดียว มันแบ่งกันไม่ลงตัวทำให้มีคนจนเยอะถ้ามีคนรวย ๑ คน จะมีคนจน เป็นร้อยเลย ระบบทุนนิยมจึงอยู่ได้ปัญหาของคนยากจนคือ ทำยังไง จะมีชีวิตที่ดี เราจะหลุดพ้นจากความยากจนได้ ต้องหาสิ่งที่ไม่ใช่เงิน อันนี้เป็นจุดเด่นของประเทศไทยชาวบ้านธรรมดา อาจจะไม่มีเงินเยอะ แต่เขาสามารถจะหาหลายสิ่งหลายอย่างที่มีคุณค่า มากกว่าเงินตั้งเยอะ
แค่อยากหาคำตอบให้ชีวิตผมตกลงกับแฟนว่าเราจะไปอยู่บ้านนอก ผมจะไม่รับจ้างสอนภาษาอังกฤษเขาก็ตกลง แต่ปัญหาคือ ผมทำเกษตรไม่เป็น ช่วงแรกก็ลำบากต้องกลับมาแบกอิฐเหมือนเดิมวันละร้อยยี่สิบบาท โอ้โฮ...เหนื่อย เพราะที่อังกฤษ ถึงจะแดดร้อนแต่อากาศเย็น เดินไม่ได้ ต้องวิ่ง ก็อุ่นได้แต่ขอนแก่นช่วงนั้น เป็นเดือน ๔ อากาศร้อนมาก๔๐ กว่าองศา บางครั้ง ผมเป็นลม เขาเอาน้ำมาสาด โอ๊ย.! ฝรั่งมันบ้าทำไม ไม่กลับบ้าน คิดผิดหรือเปล่า ทำไมต้อง มาลำบากขนาดนี้เขาคิดว่า ผมเป็นฆาตกรไปฆ่าคนที่อังกฤษ แล้วกลับบ้านไม่ได้ หนีคดีมา ความจริงไม่ใช่ผมก็แค่อยากหาคำตอบในชีวิต บางเรื่องเท่านั้น อยากหาความสุขที่เป็นแบบ ยั่งยืนสักหน่อย
บางครั้งก็คิดหนีไปที่อื่นเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ว่าถ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้จะไปอยู่ที่ไหน คิดว่า เราต้องหาคำตอบให้ได้ปัญหาอาจจะอยู่ที่ตัวของผมเอง แต่ในภาพรวมที่นี่ดี สิ่งแวดล้อมดี สะอาดถ้าเรามีลูก เราอยากให้ลูกของเราอยู่ในที่สะอาด อาหารธรรมชาติฟรีๆก็มีเยอะมาก ในภาคอีสาน เห็ดแดง หน่อไม้ ไข่มดแดง ดอกกระเจียว ผักอีหรอกแมงคับแมงคาม ขี้กะปอมเยอะ แต่บางคนก็ไม่กินนะ บางคนก็กิน ซึ่งมันดีมากเพราะว่า๑.สะอาด อาหารธรรมชาติ ไม่มีใครไปใส่ปุ๋ยเคมี๒.ไม่ได้ซื้อ ไม่ได้ใช้เงินขอให้ขยันเดินไปเก็บ สมัยก่อน ที่อังกฤษ ผมจะเดินแบกอิฐทั้งวันเมื่อได้เงินแล้ว ก็เอาเงินเกือบทั้งหมดไปซื้ออาหารในร้านฝรั่งส่วนมาก ทำงานหนักทุกวัน แต่เงินที่เขาได้มันเพียงพอที่จะซื้ออาหารกินเท่านั้น ไม่มีเงินเหลือ ฝากธนาคาร
นิยามความรวยกับความจนมันเป็นเรื่องแปลกนะที่ประเทศไทย คนยากจนมีหนี้สินเยอะที่อังกฤษมีแต่คนรวย ที่มีหนี้สินคนจนไม่มีหนี้ เพราะเขาไม่ให้คนจนยืมเงินเนื่องจากกลัวจะไม่มีปัญญาใช้คืน จึงไม่มีสิทธิ์ มีหนี้สินแต่คนรวยยืมเงินได้คำว่ารวยกับคำว่าจน มันคืออะไรกันแน่ ?
ที่ขอนแก่นเขาว่าผมบ้าบ้าง ฝรั่งยากจนบ้าง ฝรั่งตกอับบ้าง ฝรั่งขี้นกฝรั่งไม่มีเงิน แต่ผมบอกว่า ไม่ใช่ ผมรวยนะ เขาถามว่ารวยได้ยังไงผมบอกว่า๑. ผมมีบ้าน ผมทำบ้านเล็กๆ เป็นกระท่อมน้อยๆ เอาหญ้ามามุงหลังคาชาวบ้านเรียกว่า เถียงนา ไม่ใช่บ้านหรอก ผมบอกว่าใช่ มันบ้านของผมไม่ใช่บ้านเจ้านาย ราคาหนึ่งหมื่นสองพันบาท อยู่ได้ครับมันกันแดดกันฝนได้ แค่นั้นผมก็รวยแล้ว
๒. มีที่ดิน แค่ ๖ ไร่เท่านั้นเอง ที่นั่นเขาบอกว่ากระจอก มีนิดเดียวแต่สำหรับฝรั่ง มันเยอะมาก จริงๆ ผมคิดว่า มันเป็นเรื่องสำคัญเป็นพื้นฐานของชีวิต เราต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นของเรา ไม่ใช่ของเจ้านายเพราะว่าถ้ามันเป็นของเจ้านาย เราต้องไปหาเงินให้เขา ถ้าเราไม่มีเงินเขาก็ไล่เราออก เราไม่มีที่อยู่นะ เพราะฉะนั้นต้องมีบ้านเป็นของตัวเองไว้ก่อนซึ่งผมก็มีบ้าน คิดว่าลูกของผม จะต้องมีบ้านแน่ๆ ด้วยเรื่องเกษตรผมทำไม่เก่งแต่ที่ทำได้ง่ายคือ ปลูกต้นไม้ ไม้ประดู่ ไม้สะเดา ไม้ยางปลูกไว้ให้ลูกสร้างบ้าน ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้โตเร็วมาก แค่ ๒๕-๓๐ ปีตัดได้แล้ว ไม่เหมือนอังกฤษ ๒๐๐ ปีได้เท่านี้เอง เพราะอากาศเย็นเป็นเรื่องแปลก ที่คนไทยจะบ่น โอ๊ย..มันร้อนๆ ผมว่ากลับเป็นเรื่องดีแสงแดดเยอะ จะทำการเกษตรได้ ตลอดเวลา ๑ ปี ทำได้ทุกวันแต่คนไทยจะบ่นร้อนๆ ไม่เอาๆอยากเป็นคนผิวขาวดีกว่า แต่คนอังกฤษ เขาถือคนผิวขาวเป็นคนจนเพราะว่าไม่มีปัญญา จะไปเมืองนอก ซึ่งกลับกันเลย แม้แต่พ่อของผมเขาก็ยังมีเครื่องอาบแดดเพื่อให้ผิวเป็นสีแทน ให้ดูเป็นแบบคนมีสตางค์แต่คนไทย กลับอยากมีผิวขาว
วิธีคิดไม่ธรรมดาของมาร์ติน วีลเลอร์ผมมีลูก ๓ คน ชาย ๒ หญิง ๑ สิ่งสำคัญที่สุด ๒ เรื่องในชีวิตของเราคือ๑.ต้องมีบ้าน เป็นของตัวเองให้ได้ จึงจะถือว่า ชีวิตประสบความสำเร็จ๒.ต้องมีงานทำทุกวัน ไม่ได้จำกัดว่า ต้องเป็นงานอะไร แต่ขอให้ มีงานทำทุกวันชีวิตจึงจะไม่สูญเปล่า วิธีเดียวที่รับประกันได้ว่า ลูกมีงานทำคือการมีที่ทำกินให้เขา และเราต้องช่วยให้เขาทำเป็นผมคิดว่าคนชนบทจริงๆใครมีที่ดินทำกินแล้วจะไม่ตกงาน เว้นแต่คนขี้เกียจซึ่งบางคนมีที่ดินเยอะแต่ไม่ยอมทำ ถ้าเราสั่งสอน ให้ลูกรู้จักทำมาหากิน เขาก็ไม่ตกงานผมถือว่างานที่อิสระ และมีประโยชน์ มากที่สุดคืองานเกษตรซึ่งช่วยให้เรากินอิ่มทุกวัน คนอังกฤษกินไม่อิ่มเยอะมากนะผมไม่อยากให้ลูกของผมอดอาหาร อยากให้ลูกกินอิ่มในลักษณะที่ส่งเสริมสุขภาพด้วยกินอาหาร ที่ไม่มีสารพิษ กินอาหารแบบเรียบง่ายก็ได้ แต่อิ่มทุกวันเมื่อมีบ้าน มีงาน มีอาหาร ลูกของผม ก็จะรวยที่สุด ผมอยากให้ลูกอยู่บ้านนอกเพราะว่าสะอาดจ้างเท่าไหร่ ก็ไม่อยาก ให้ไปอยู่ ในเมืองหรอกเพราะสกปรก แออัดสำคัญที่สุดคือเรื่องของสังคม ผมไม่อยากให้ลูกไปอยู่ในเมือง เพราะว่าคนเมืองเห็นแก่ตัว วิ่งไปหาเงินอย่างเดียว แข่งขันกันเยอะเดี๋ยวก็ฆ่ากัน ด่ากันทุกวัน ไม่สงบ อยากให้ลูกอยู่บ้านนอกเขาจะได้สิ่งที่หายากที่สุดในโลก
คนอีสานบ้านนอกเป็นคนดีมากนะ มีน้ำใจ รู้จักช่วยเหลือคนอื่นเอื้ออาทรกัน เกื้อกูลกัน แบ่งปันกัน ไม่แข่งขันกันความเป็นชุมชนเป็นสิ่งที่หายากนะถ้าเราไปอยู่ในเมือง จะอยู่แบบ ของใครของมัน บ้านคนละหลังครอบครัวคนละหลังไม่รู้จักกัน ถ้าเราอยู่ในชุมชนเล็กๆ เราก็ช่วยเหลือกันได้คุยกันได้ แบ่งปันกันได้ ในที่สุดเราก็จะเป็นคนมีน้ำใจได้
ลูกของผมเขาเป็นคนมีน้ำใจ เขาอาจจะไม่มีเงินไม่ได้เรียนหนังสือสูงๆแต่เขาจะมีสิ่งที่ดีกว่านั้นเยอะ คือเขาจะมีที่อยู่อาศัย มีชุมชนที่ดีไม่มียาเสพติดไม่มีการพนัน ไม่มีอาชญากรรม มันน่าอยู่ขอให้เราอยู่ในชุมชนที่เป็นแบบนั้นมันก็ดีนะ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกก็จะเป็นคนดี ไม่ติดยาไม่ขี้ขโมย ไม่เล่นไพ่ มีน้ำใจและรู้จักช่วยเหลือคนอื่นลูกผมเรียนหนังสือไม่เก่ง ปีนี้เขาได้คะแนนเป็นอันดับที่ ๑๙ ในห้องของเขามีนักเรียน ๓๙ คน มันเดินสายกลาง พอดีเลย (หัวเราะ)
แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องอันดับคะแนนหรอกครูเขาเขียนถึงอุปนิสัยของลูกว่าเป็นคนที่มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งผมไม่ได้สอนแบบนั้นฝรั่งส่วนมากจะเห็นแก่ตัว ผมเคยอยู่ ในสังคม อย่างนั้นมาก่อนมันเปลี่ยนยากครับ ผมจึงไม่ได้สอนให้ลูกเป็นคนมีน้ำใจแต่มันเป็นที่ชุมชน เป็นวิถีชีวิตของคนอีสาน ที่เริ่มซึมเข้าไปในกระดูกของเขา ทำให้ลูกอายุแค่ ๘ ขวบเป็นคนมีน้ำใจ ผมถือว่าสุดยอดแล้ว ผมภูมิใจในตัวของลูกมากๆเรื่องเรียนไม่สำคัญหรอกสำคัญที่สุดนั้น เป็นความมีน้ำใจถ้าเขาสามารถรักษาสิ่งนี้ไว้ตลอดชีวิตผมคิดว่า เขาคงมีความสุขแน่
วิเคราะห์เจาะลึกอีสานบ้านเฮาผมเคยบังคับลูกชายคนแรก ตอนอายุประมาณ ๓ ขวบ จับมานั่งสอนภาษาอังกฤษเขาก็ร้องไห้ ๆ ไม่เอาๆๆ ผมก็คิดว่า เอ๊ะ..เราน่าจะเลิกทรมานเด็กปล่อยให้เขามีความสุข ตั้งแต่วันนั้น ผมบอก จะไม่สอนเขาอีกแต่ถ้าอยากเรียนมาบอกผม จะสอนให้ ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้เขายังไม่บอกผมเลยผมก็มาคิดว่า จะให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษเพื่ออะไร ในหมู่บ้าน ของผมมี ๕๐ ครอบครัวทุกคนพูดอีสานอย่างเดียว แม้แต่ผมก็ยังพูด แล้วจะให้เขาเรียนภาษาอังกฤษเพื่ออะไร?
สมมุติว่าลูกของผมอยากอยู่ในหมู่บ้านนี้ตลอดชีวิตภาษาอังกฤษก็จะเป็นความรู้ที่ไม่เป็น ประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ผมเคยเรียกว่า มันเป็นวิชาขี้ข้าเอาไว้รับจ้างเฉยๆ เอาไปหาเงิน คนที่มีความรู้ ภาษาอังกฤษจะเอาอันนี้แลกกับเงินอย่างเดียว เขาไม่ได้เรียนเพื่อชีวิตของเขาเขาอยากเอาเงิน ไปทำงานสูงๆ หน่อย
ปัญหาของคนอีสานมีมากในเรื่องของการศึกษาคนอีสานส่วนมากไม่อยากให้ลูกเป็นคนอีสานไม่อยากให้ลูกเป็นคนบ้านนอกไม่อยากให้ลูกพูดภาษาอีสาน อยากให้พูดไทย ชาวบ้านส่วนมากคิดอยากให้ลูกได้ดีในชีวิต คิดว่าสิ่งที่ดีในชีวิตของลูกคือ๑.ไม่ได้พูดอีสาน พูดแต่ภาษาไทย๒. พูดภาษาอังกฤษด้วย๓. เล่นคอมพิวเตอร์ได้๔.ไปอยู่ในเมือง๕.ไปรับจ้างเขา๖. ไปสร้าง หนี้สิน ไปซื้อบ้านหลังเล็กๆ ราคา ๒ ล้าน ๓ ล้านบาท
เขาคิดว่า อย่างนี้ลูกของเขาได้ดี ซึ่งผมไม่เห็นด้วยผมก็อยากให้ลูกของผมได้ดีเหมือนกัน แต่ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ปัจจัยที่จะช่วยให้เขาได้ชีวิตที่ดี อาจจะเอาไปแลกเงินในบางช่วงได้ แต่ผมหวังว่าลูกของผม จะมีความคิด สูงกว่านั้น ชีวิตน่าจะมีไว้เพื่อหาสิ่งที่ไม่ใช่เงินถ้าเขาเรียนรู้ เพื่ออยาก จะหาเงิน อย่างเดียวก็น่าเสียใจนะเพราะความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่การเรียนรู้เป็นสิ่งที่เราต้องทำทุกวันตลอดชีวิต เราหยุดเรียนรู้ไม่ได้ แต่เราไม่น่าจะเรียนเพื่อเอาความรู้ เอาปริญญา ไปแลกกับเงิน ทำให้ความรู้ไม่มีคุณค่า
จุดอ่อนจุดแข็งของคนไทยผมคิดว่าคนไทยส่วนมากยังไม่เข้าใจระบบทุนนิยม เห็นฝรั่งที่ไหนก็คิดว่ารวยหมด คิดว่าการพัฒนา ในระบบทุนนิยมจะทำให้ทุกคนมีเงินไม่เข้าใจว่าประเทศที่พัฒนาระบบทุนนิยม นานแล้ว เช่น อังกฤษ สหรัฐ มีปัญหาเยอะมากแต่คนไทยก็คิดว่า เมืองนอก ดีกว่า อันนี้จุดอ่อนครับ คือคนไทยสนใจเมืองนอก ไม่ได้สนใจ ประเทศไทย
ผมเป็นฝรั่ง คุณเลยนั่งฟังผม ถ้าผมเป็นชาวบ้าน คุณจะไม่สนใจผมอันนี้เป็นจุดอ่อนนะ แต่จุดแข็งคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แผ่นดินประเทศไทย อุดมสมบูรณ์มากๆ ที่ดินเยอะมาก น้ำเยอะมากแสงแดดเยอะมาก ทำเกษตรอยู่รอดแน่ เป็นพลังแผ่นดินใครๆ ก็อยากได้ประเทศไทย ผมก็ได้ถึง ๖ ไร่
คนไทยโชคดีมากๆที่ได้ในหลวง เป็นผู้นำ พระองค์ท่านเป็นคนที่ทำงาน หนักมากเพื่อช่วยให้คนคิดได้ ช่วยให้คนอยู่ได้ จะหากษัตริย์ ในประเทศอื่นไม่ค่อยมีแบบนี้ ปัญหาคือคนไทยส่วนมากนับถือในหลวงแต่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสอนของในหลวงพระองค์ท่าน บอกมา ๒๗ ปีถึงเศรษฐกิจพอเพียงแต่คนไทย ก็ไม่รู้จักพอเพียง เอาอย่างเดียว ถึงยกมือไหว้ในหลวงแต่เวลาดำรงชีวิต ไม่ได้ทำตามในหลวง ก็ในหลวงบอกไว้แล้วว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเสือขอให้มีอยู่มีกินไว้ก่อน ถ้าทุกคนเริ่มคิดจริงๆ ถึงสิ่งที่ในหลวงพูดเราน่าจะช่วยให้ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะความคิด ของในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงต้องอาศัย พลังแผ่นดิน ทำได้เฉพาะประเทศไทยนะ เศรษฐกิจพอเพียงที่อื่นทำไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะเหมือนประเทศไทยพวกคุณโชคดีที่ได้แผ่นดินดีๆ ได้ผู้นำที่ดีด้วยและเรื่องที่ ๓เรื่องศาสนา ผมคิดว่าศาสนาพุทธ มีความสำคัญมากๆ สำหรับคนไทยไม่ใช่แค่นับถือไหว้พระแค่นั้นไม่พอ แต่อยู่ที่การปฏิบัติด้วยนะ มักน้อย สันโดษ พอเพียงธรรมะคือธรรมชาติ เป็นเรื่องง่ายๆ พึ่งตนเองก็ได้ ปรัชญาของศาสนาพุทธ ทำได้นะ แต่คนไทยจำนวนน้อยที่เข้าใจ จริงๆ แล้วศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ออกแบบให้เหมาะสม สำหรับคนบ้านนอก ให้ใช้ชีวิตร่วมกับ ธรรมชาติโดยไม่ทำลาย ไม่เอาเปรียบ แต่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
อยากบอกอะไรคนไทยคุณโชคดีมากๆ ที่เกิดในประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องไปรบกับใครไม่ต้องไปเอาน้ำมัน จากใคร ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น ประเทศไทยอยู่ได้กินอิ่ม มีเหลือแจกด้วย อย่าไปคิดเรื่องเงินอะไรมากอย่าลดคุณค่าความเป็นไทยของตัวเองลง คนไทยส่วนมาก นิสัยดีจริงๆคนไทยมีน้ำใจ หายากนะ คนไทยมีพระเจ้าอยู่หัวมีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์มีศาสนาพุทธ ที่ดีมากทั้ง ๓ อย่างนี้พยายามรักษาเอาไว้ให้ได้ ชีวิตที่ไม่ทะเยอทะยานเกินไปคือชีวิต ที่มีคุณภาพ ชาวบ้านทุกคนทำได้ ผมเองถึงยังทำไม่สำเร็จแต่มั่นใจว่าจะทำได้แน่ในอนาคต ถ้าผมทำได้คนอื่นก็คงทำได้ง่ายกว่าผมเยอะทุกอย่างอยู่ที่เรา ถ้าเราไม่อยากได้อะไร มากเกินไป ในชีวิตชีวิตมันก็ง่ายพยายามทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้นอย่าให้มันสับสน อย่าให้มันลำบากพยายามรักษา สิ่งแบบนี้ให้ดี และอย่าเชื่อฝรั่งมากเกินไป......
ขอบคุณฟอร์เวิร์ดเมล์(ได้มานานแล้วมาก)

ไม่มีความคิดเห็น: