เปิด 10 เทรนด์ธุรกิจดาวรุ่งปีเสือ ซึ่งจะเป็นโจทย์ใหญ่ให้หลายธุรกิจต้องปรับตัวเข้ากับทิศทางใหม่เพื่อช่วงชิงโอกาสทางธุรกิจ
ก้าวสู่ศักราชใหม่ 2553 การ เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในทุกธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์สภาพแวดล้อม สังคม และพฤติกรรมผู้บริโภค เราประเมินทิศทางการปรับตัว และแนวโน้มธุรกิจที่เรียกได้ว่าเป็น "10 เทรนด์ธุรกิจดาวรุ่งปีเสือ" ซึ่งจะเป็นโจทย์ใหญ่ให้หลายธุรกิจต้องปรับตัวเข้ากับทิศทางใหม่เพื่อช่วงชิงโอกาสทางธุรกิจ
กรีนคอนเซปต์แรงระดับโกลบอล
ภาวะโลกร้อน (Global Warming) เป็น กระแสที่ทำให้ทั่วโลกตื่นตัว ผู้บริโภครับรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งกระแสดังกล่าวทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวต้องปรับตัวผลิตสินค้า -บริการ เพื่อร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรและช่วยลดปัญหาโลกร้อน พร้อมกับหาโอกาสทางธุรกิจไปด้วย
กระแส โลกร้อน ไม่เพียงแต่ธุรกิจเอกชนเท่านั้นที่ต้องปรับตัว แม้ขณะนี้ผลการประชุมที่กรุงโคเปนเฮเกน มีเพียงการลงนามความเห็นร่วมกันที่จะควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูง ขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส แต่ก็เป็นอีกก้าวของนานาชาติในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน รวมถึงการลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือ ภาวะก๊าซเรือนกระจก ที่มีความสำคัญต่อการสัมพันธภาพระหว่างประเทศ และการค้าของโลกในยุคนี้
ใน ส่วนภาครัฐ กระทรวงพลังงานได้กำหนดนโยบายให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และมีมาตรการลดการใช้พลังงานหลายด้านทั้ง กฎหมาย การบริหารส่งเสริม และรณรงค์ในภาคประชาสังคม โดยเฉพาะภาคขนส่ง พร้อมส่งเสริมให้มีโครงการพลังงานตามกลไกพัฒนาที่สะอาด (CDM) มากขึ้น โดยมีเป้าหมายเบื้องต้น ที่จะลดปล่อยก๊าซฯของภาคพลังงาน 72 ล้านตันต่อปี จาก 1. แผนพลังงานทดแทน 15 ปี (2551 - 2565) 42 และ 2. ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 30 ล้านตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3.6 หมื่นล้านบาท
ไฮเทคเทรนด์ "3จี-บีบี" แรงเกินยั้ง
อีกเทรนด์ที่มาแรงคือ "ไฮเทคเทรนด์" ที่มารวดเดียว 3 เทรนด์เด่นเพื่อเติมสีสันให้ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคชาวไทย ได้ทุกรูปแบบ คือ เทคโนโลยี 3จี, สมาร์ทโฟน และแบล็คเบอร์รี (บีบี) ที่มาแรงกลายเป็น เครื่องมือการตลาดใหม่ๆ ให้กับหลายสินค้า-บริการ
เทคโนโลยี 3จี แม้ผู้ให้บริการมือถือทั้ง 3 ค่ายหลัก ต้อง "อกหัก" เพราะคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ชะลอการเปิดประมูลไลเซ่นไปไม่มีกำหนด แต่ก็ยังมี "ทีโอที 3จี" ซึ่ง บมจ.ทีโอที เปิดให้บริการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้ว เป็นทางเลือกสำหรับคนชอบลองของใหม่ ทำให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ไฮเทค ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ต่างทยอยคลอดตัวเครื่องที่รองรับ 3จี ออกสู่ตลาด ตามเทรนด์ผู้ผลิตระดับโลก ที่ต้องการเร่งเสิร์ฟสินค้าของตัวเอง เจาะผู้ใช้ 3จี ในมาก 70 ไลเซนทั่วโลกที่เปิดให้บริการไปแล้ว
ส่วนมือถือสมาร์ทโฟน ที่ผ่านมาเด่นได้โดยไม่ต้องโหนกระแส 3จี แม้วิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรงถึงขั้นฉุดมูลค่าตลาดมือถือไทยติดลบเป็นครั้งแรกในปี 2552 แต่ ยอดขายมือถือในกลุ่มสมาร์ทโฟน ทั้งมูลค่าและยอดขายยังเติบโตทะลุร้อยเปอร์เซ็นต์และแนวโน้มมือถือรุ่นใหม่ๆ ที่จะออกสู่ตลาดจากนี้ไป มีสัดส่วนที่เป็นสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น ทั้งจากแบรนด์ผู้ผลิตมือถือเอง และแบรนด์ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ ที่โดดเข้ามาร่วมวง
เสริม ทัพด้วยเทรนด์น้องใหม่ที่แรงแบบ "แบรนด์เล็กเสียงดัง" ตัวจริง คือ แบล็คเบอร์รี (บีบี) จากบริษัทสัญชาติแคนาดา "อาร์ไอเอ็ม" ที่กระโดดข้ามจากการเป็นผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับ "นักธุรกิจ" มาติดกลุ่มสินค้า "Must Have Item" ของ ผู้มีแรงซื้อไม่ว่าจะเป็น วัยรุ่น นักศึกษา คนทำงาน ไปจนถึงดารา จนกระแส "บีบี ฟีเวอร์" พัฒนาขึ้นมาเป็น "บีบี คอมมูนิตี้" แทบทุกสาขาอาชีพในปัจจุบัน
"โซเชียล เน็ตเวิร์ค" เทรนด์ซึมลึก
อีกเทรนด์ที่มาแรงไม่แพ้กัน คือ "โซเชียล เน็ตเวิร์ค" ที่ปฏิวัติโลกสื่อสาร คนไทยแห่ใช้ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊คยอดพุ่งกว่า 2 ล้านคน กูรูอินเทอร์เน็ตเผยจุดแข็ง สื่อสารได้เร็วกว่าสื่อกระแสหลัก คาดสร้างอิทธิพลเหนือสื่อดั้งเดิมอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
"ปี 2553 จะเป็นปีที่เติบโตมากที่สุด ต่อเนื่องจากปี 2552 เมื่อรวมเฉพาะเว็บ ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ค ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกในไทยมากกว่า 2 ล้าน คน และจะเป็นปีที่มีสินค้าและบริการอีกมากหันมาใช้ช่องทางของโซเชียลเว็บ ทำตลาดเพิ่มขึ้นอย่างจริงจัง" นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการบริษัท ตลาดดอทคอม และกูรูด้านโซเชียล เน็ตเวิร์ค กล่าว
ขณะ ที่นายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการ บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป กล่าวว่า โซเชียล เว็บ โดยเฉพาะทวิตเตอร์ ถือเป็นช่องทางใหม่สำหรับการเสนอข่าวได้รวดเร็วที่สุด ทำให้เกิดสังคมของการตรวจสอบ เนื่องจากการทวิตทุกข้อความ จะเปิดโอกาสให้มีผู้แสดงความคิดเห็น ในจำนวนนี้จะมีคนที่รู้จริงเข้ามาแลกเปลี่ยนด้วย เชื่อว่าอีก 5 ปีข้างหน้า ทวิตเตอร์จะยังเป็นหนึ่งในกระแสหลัก
"ทวิตเตอร์ กลายเป็นจัตุรัสของข่าวสาร เป็นช่องทางนำเสนอได้เร็วกว่าสื่ออื่นๆ ตอนนี้ เร็วกว่าเว็บไซต์ ขณะเดียวกันก็เป็นสื่อที่ตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดการหลอกลวง เพราะคนที่รู้จริงจะเข้ามาโพสต์ข้อมูลจริง ทำให้เกิดการเช็คข้อมูลต่อๆ ได้รวดเร็ว" นายสุทธิชัย กล่าว
"เคเบิล-ทีวีดาวเทียม" เทรนด์สื่อใหม่ปี 53
ธุรกิจ ทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวี กลายเป็นกระแส "สื่อใหม่" มาแรง นับตั้งแต่ประกาศใช้ พ.ร.บ.การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ปี 2551 เมื่อมีกฎหมายรองรับจากเดิมที่ถูกมองเป็นธุรกิจสีเทา และการกำหนดให้มีโฆษณาได้ชั่วโมงละ 6 นาที ยิ่งสร้างความคึกคัก เป็นสื่อทางเลือกสำหรับการใช้งบโฆษณา
ตลอดปี 2552 เอจีบี นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช รายงานว่าสมาชิกทรูวิชั่นส์ เติบโต 99% หรือกว่า 1.5 ล้านราย ไม่ต่างจากการติดตั้งจานดาวเทียมที่เพิ่มจาก 1.5 ล้านจานเป็น 3 ล้านจาน ขณะที่สมาชิกเคเบิลทีวีท้องถิ่น เติบโต 24% หรือกว่า 2 ล้านครัวเรือน
ธุรกิจทีวีดาวเทียมยังเป็นตลาด "Blue Ocean" ที่ มีโอกาสเติบโตสูงจากการเปลี่ยนพฤติกรรมการรับชมรายการทีวีของครัวเรือนไทย ที่จะเปลี่ยนจากเสาอากาศก้างปลา มาเป็นจานรับสัญญาณดาวเทียมและสมาชิกเคเบิลทีวี ตลอดปี 2552 พบ การลงทุนของผู้ประกอบการรายเดิม และรายใหม่เข้าสู่ธุรกิจสื่อใหม่นี้อย่างต่อเนื่อง แทบจะเรียกได้ว่ามีการเปิดตัวของช่องรายการใหม่ "ทุกสัปดาห์" เชื่อว่าปี 2553 ยังมีการลงทุนของช่องรายการใหม่ไม่ต่างจากปีก่อน
"ครีเอทีฟเทรนด์" พ่วงวัฒนธรรม
วิกฤติ ต้มยำกุ้งสู่วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ผู้กำหนดนโยบายประเทศทั่วโลกเริ่มมองหาเสาค้ำเศรษฐกิจรูปแบบใหม่มาเสริมความ แข็งแกร่งประเทศ ในยามที่ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และภาคการเกษตร ถูกสั่นคลอนจากวิกฤติเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์มองว่า วัฒนธรรม อาหาร ดนตรี และศิลปะ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละประเทศ สามารถแปรรูปเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ภายใต้บริบทที่เรียกว่า "Creative Economy" โดย เฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อโลกาภิวัตน์และเทคโนโลยีการสื่อสารช่วยส่งผ่าน เผยแพร่ ถ่ายทอดศิลปะและวัฒนธรรมให้แทรกซึมข้ามพรมแดนได้อย่างรวดเร็ว
เกาหลี ใต้ เป็นตัวอย่างระบบเศรษฐกิจบนฐานความคิดสร้างสรรค์ที่ประสบความสำเร็จ และเป็นกรณีศึกษาที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์มองเห็นโอกาสใหม่ การเสริมรากฐานเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง เศรษฐกิจสร้างสรรค์จึงกลายเป็น "Motto" ที่จุดกระแสขึ้นมาตั้งแต่ปี 2552
"ซีเอสอาร์" เทรนด์ธุรกิจอยู่คู่สังคม
ความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR (Corporate Social Responsibility) พิสูจน์ แล้วว่ามีความสำคัญไม่น้อยต่อธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการไม่อาจมองข้ามหลายธุรกิจให้น้ำหนักการทำกิจกรรมซีเอสอา ร์มากขึ้น จากองค์กรใหญ่ ขยายสู่องค์กรระดับกลาง และแม้แต่ระดับเล็กก็มีมุมมองและกิจกรรมที่ตอบแทนให้กับสังคมเช่นกัน
ปัจจุบัน ผู้บริโภคคุ้นเคยกับกิจกรรมทางสังคมของบริษัทน้อยใหญ่ บางอย่างเป็นเพียงแค่กิจกรรมตลาดธรรมดาด้วยการอาศัยกระแส "ซีเอสอาร์" แต่ในปี 2553 เมื่อสังคมเผชิญกับปัญหาหลายด้าน ดังนั้นกระแส "ซี เอสอาร์"สำหรับองค์กรธุรกิจทุกระดับจึงเป็นสิ่งจำเป็น และเชื่อว่าการเรียกร้องให้ธุรกิจต้องรับผิดชอบต่อสังคมจะดังขึ้นเรื่อยๆ และเป็นทิศทางการปรับตัวของธุรกิจต่อไปอีกนาน
"ซีเอสอาร์" ยังได้รับแรงกดดัน จากสิทธิของชุมชนตามรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยเฉพาะกรณีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และอาจเป็นแรงกระตุ้นให้ธุรกิจต้องทำ "ซีเอสอาร์" อย่างจริงจังมากขึ้น ไม่เพียงเป็นแค่รูปแบบ
คอมแพค-อินสแตนท์ชิ้นเล็กมาเร็ว
อีกเทรนด์ที่คาดว่าจะมาแรงข้ามปี จาก 2552 ต่อเนื่องถึงปี 2553 คือ ทิศทางสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ ความเป็นคอมแพค สินค้าชิ้นเล็กๆ และอินสแตนท์ ที่ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบาย การใช้ชีวิต กำลังเป็นเทรนด์ใหม่มาแรงที่จับต้องได้ในหลายๆ ธุรกิจธุรกิจ ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับเทรนด์การบริโภคของคนรุ่นใหม่ ที่ชอบความสะดวกรวดเร็วและใส่ใจในสุขภาพ ส่งผลให้กลุ่มอาหารแนวสุขภาพ อาหารพร้อมทาน และอาหารแช่แข็ง จะเป็นกระแสร้อนแรงของการบริโภคตลอดปี 2553
แต่ที่แรงไม่หยุดคือปัจจัยสี่ตลอดปี 2553 คือ คอนโดมิเนียม เกาะแนวรถไฟฟ้า ซึ่งตอบโจทย์ทั้งเรื่องความกะทัดรัด คอมแพคไซส์ และเป็นอินสแตนท์พร้อมใช้สะดวกสบายตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมืองได้อย่างเต็ม ที่
เช่นเดียวกับ คอมแพคคาร์ รถเล็กที่มาแรงตั้งแต่ปี 2552 และคาดว่าในปี 2553 เรา จะเห็นรถเล็กจากหลายค่ายออกมาจำหน่าย ซึ่งกลายเป็นสินค้าชูโรงที่ใช้เรียกลูกค้า สร้างยอดขาย และสอดคล้องกับทิศทางตลาดโลก ที่นิยมรถคันเล็กเพื่อตอบโจทย์เรื่องความคล่องตัว ประหยัดพลังงาน และความเป็นซิตี้ลิฟวิ่งได้อย่างครบถ้วน
"ลองเทลมาร์เก็ตติ้ง" แรงบนโลกออนไลน์
อีกทฤษฎีการตลาดที่จะแรงข้ามปี คือการตลาดหางยาว ที่เรียกคุ้นหูว่า ลองเทลมาร์เก็ตติ้ง (Long tail Marketing) ซึ่งปี 2552 พัฒนาการไปอีกขั้น เนื่องจากความแรงของสื่อออนไลน์ ความเชื่อตามทฤษฎี 20:80 ค่อยๆ ถูกลบล้าง และถูกทดแทนภายใต้ความเชื่อใหม่ของลองเทล มาร์เก็ตติ้งว่า ไม่ควรละเลยผู้บริโภค 80% ที่ไม่สร้างคุณค่าในธุรกิจ แต่นักการตลาดต้องกินรวบผู้บริโภคทั้ง 100% แม้ในสัดส่วน 80 ของผู้บริโภคที่ไม่สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจนั้น เมื่อรวมกันมากๆ เข้า ก็ทำให้เกิดมูลค่ามหาศาลไม่แพ้ ผู้บริโภคที่ทรงคุณค่าเพียง 20% โดย เฉพาะอย่างยิ่งกระแสสื่อออนไลน์ ได้เปลี่ยนมุมมองให้นักการตลาดด้วยการตอกย้ำว่า ลองเทลมาร์เก็ตติ้ง ก้าวสู่พัฒนาการไปสู่โลกออนไลน์
ผศ.ดร. ธีรพันธ์ โล่ห์ทองคำ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธรู เดอะ ไลน์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาด ไอเอ็มซี และแบรนดิ้ง กล่าวถึงพัฒนาการของ ลองเทล มาร์เก็ตติ้ง น่าสนใจนับตั้งแต่ การทำตลาดในระดับล่าง พัฒนามาเป็น การทำตลาดแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย จากนั้นพัฒนาเป็น "One To One Marketing" เจาะลึกผู้บริโภคที่มีความต่างหลากหลาย เป็นการพัฒนาการด้านกลยุทธ์
คอน เซปต์ใหม่ "อีมาร์เก็ตติ้ง" ทำให้เกิดการทำตลาดบนสื่อออนไลน์ ซึ่งนักการตลาดเข้าไปศึกษาธุรกิจการค้าขายบนออนไลน์ พบว่า ลูกค้าในกลุ่ม 80% สามารถสร้างธุรกิจได้ถึง 61% ขณะที่ 20% สร้างธุรกิจได้เพียง 59% ตัวเลขนี้นำสู่ข้อขัดแย้งใหม่ว่า แนวคิด 20/80 ไม่ อาจใช้ได้กับธุรกิจทุกประเภท อย่างน้อยๆ การค้าขายบนออนไลน์ ซึ่งไม่มีเรื่องของหน้าร้าน ไม่มีการบริหารสต็อก ไม่ต้องทุ่มเม็ดเงินผ่านการสื่อสารการตลาดแบบแมสมีเดีย ได้ผลตอบแทนจากกลุ่มที่ธุรกิจเคยเพิกเฉย ทำให้ลองเทล มาร์เก็ตติ้ง บนโลกออนไลน์ ยิ่งสะท้อนความสำคัญของผู้บริโภค 80% มากขึ้น
อ้างอิง http://www.wiseknow.com/content/view/2520/1/