รัฐบาลได้กำหนดให้มีการพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติ โดยตั้งเป้าที่จะลดปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลให้ได้ 10% ภายในปี พ.ศ. 2555 ขณะที่มุ่งส่งเสริมให้มีการใช้ไบโอดีเซลเพื่อทดแทนพลังงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีความต้องการใช้สูงถึง วันละ 8.5 ล้านลิตร สำหรับวัตถุดิบที่สามารถนำมาผลิตเป็นไบโอดีเซลได้นั้น คือ พืชน้ำมันทั่วไป โดยเฉพาะ “ปาล์มน้ำมัน” จัดเป็นพืชที่มีศักยภาพสูงซึ่งปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกได้ขยายตัวไปกว่า 3.62 ล้านไร่ทั่วประเทศ แม้แต่เกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังให้ความสนใจและต้อง การปลูกพืชชนิดนี้ กรมวิชาการเกษตรจึงจัดทำ “ศูนย์ต้นแบบการบริหารวัตถุดิบเพื่อพลังงานทดแทนครบวงจร” ขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นต้นแบบให้ชุมชนต่าง ๆ นำไปประยุกต์ใช้โดยชุมชนและเพื่อชุมชน....
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ขณะนี้กรม วิชาการเกษตรมีแผนเร่งดำเนินโครงการศูนย์ ต้นแบบการบริหารวัตถุดิบเพื่อพลังงานทดแทนครบวงจร นำร่องในพื้นที่จังหวัดเลย โดยเน้นให้เกษตรกรและท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เบื้องต้นได้ร่วมกับชุมชนเร่งสำรวจพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าวและ พืชไร่ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนมาปลูกปาล์มน้ำมัน เป้าหมายรวมไม่น้อยกว่า 5,000 ไร่ ซึ่งได้รับความสนใจจากเกษตรกรในพื้นที่เกือบ 1,000 ราย จากนั้นจะให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯยืมต้นกล้าปาล์มน้ำมันพันธุ์ สุราษฎร์ธานี 2 ไปปลูกก่อน 4 ปี หลังจากที่ปาล์มน้ำมันให้ผลผลิตแล้ว กำหนดให้ส่งคืนทะลายปาล์มสดแก่โครงการฯ ต้นละ 2-3 ทะลาย เพื่อเป็นค่ายืมต้นกล้า ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรเริ่มทยอยปลูกปาล์มน้ำมันไปแล้วกว่า 3,000 ไร่
ขณะที่กรมวิชาการเกษตรได้เร่งจัดเตรียมต้นกล้าปาล์มน้ำมันพันธุ์ดีไว้รองรับ ความต้องการของเกษตรกรเพิ่มเติมอีกกว่า 85,000 ต้น สำหรับพื้นที่ปลูก 4,000-4,400 ไร่ อีกทั้งยังได้ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อเตรียมจัดตั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มต้นแบบระบบเย็น โดยกระบวนการสกัดจะแยกเส้นใยปาล์มออกจากกะลา แล้วนำเข้าเครื่องหีบน้ำมันให้ได้น้ำมันปาล์มออกมา ซึ่งระบบนี้มีความยุ่งยากน้อยกว่าการ สกัดแบบใช้ไอน้ำ จะได้กากเส้นใยที่มีคุณค่าสามารถนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ และไม่มีน้ำเสียเกิดขึ้นในกระบวนการผลิตด้วย
ภายในปี พ.ศ. 2552 นี้ คาดว่าโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ โดยมีกำลังการผลิต 5 ตันต่อชั่วโมง สามารถรองรับผลผลิตทะลายปาล์มสดวันละไม่น้อยกว่า 50 ตัน คาดว่าจะผลิตน้ำมันปาล์มดิบได้วันละกว่า 10 ตัน หรือ 10,300 ลิตร ป้อนให้กับโรงงานผลิตไบโอดีเซลได้ ขณะเดียวกันยังจะได้กากเส้นใยวันละประมาณ 6.6 ตัน สามารถนำไปเลี้ยงโค-กระบือในพื้นที่ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้มีแผนร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ส่งเสริมให้เกษตรกร ผู้เลี้ยงโค-กระบือกว่า 200 ราย รวมกลุ่มเพื่อสร้าง คอกกลาง และนำโค-กระบือมาเลี้ยงรวมกันประมาณ 600 ตัว โดยใช้กากเส้นใยปาล์มเป็นอาหารสัตว์
นายสมเจตน์ ประทุมมินทร์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการผลิตพืช สำนักผู้เชี่ยวชาญ กรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการฯยังมีแผนพัฒนาระบบเกษตรโดยใช้โครงสร้างเกษตรทฤษฎีใหม่และหลัก เศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อ นำไปสู่การพัฒนาและสร้างตลาดท้องถิ่นสำหรับสินค้าเกษตรปลอดภัยหรือเกษตร อินทรีย์ที่มีคุณภาพ โดยจำลองระบบตลาดท้องถิ่นจากประเทศญี่ปุ่นนำมาดัดแปลงใช้ พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเกษตรเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ เกี่ยวกับโครง การฯต้นแบบการพัฒนาพื้นที่เป็นเมืองสะอาดแบบบูรณาการ และระบบการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย เป็นต้น
...นับเป็นช่องทางที่จะช่วยสร้าง อาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการประกบอาชีพเกษตรกรรม และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนและท้องถิ่นให้ดีขึ้นอีกด้วย.
ขอขอบคุณหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์